ประสบการณ์จากการใช้เครื่องช่วยฟัง

 แต่เดิมเราเป็นคนที่ได้ยินเสียงชัดเจนปกติ มีเพื่อนมีสังคม มีหน้าที่การงานทำ แต่เรามักจะมีอาการคันในรูหูบ่อยๆ

จึงชอบหาอะไรมาแหย่เข้าไปในหู เพื่อให้รู้สึกหายคัน แต่เมื่อทำแบบนี้บ่อยๆเข้าเราเริ่มรู้สึกเจ็บหู จากเจ็บกลายเป็นเริ่มปวด หูเริ่มปวดแต่เราก็ยังทนด้วยการหายาแก้ปวดมากินเอง อาการค่อยทุเลาลง แต่ผ่านไปสักพักเราก็กลับมามีอาการอย่างเดิมอยู่เพราะเราก็ยังคงหาอะไรมาแคะหูเหมือนเดิม ซึ่งเรามักจะนำสำลีที่พันไม้มาเช็คหูทุกวันหลังอาบน้ำ เมื่อความปวดหูครั้งที่สองเริ่มขึ้นเราจึงไปให้หมอที่รักษา เกี่ยวกับหู ตา จมูก ช่วยดูให้แพทย์ได้ส่องดูเข้าไปในหู พบว่าหูของเรามีแผลเป็นรอยถลอก ทำให้หูข้างในเกิดการอักเสบ คุณหมอจึงทำการรักษาให้เราและห้ามให้น้ำเข้าหูเราเพราะจะยิ่งทำให้หูรักษายากมากยิ่งขึ้น คุณหมอได้แนะนำเกี่ยวกับการดูแลหูว่าอย่าพยายามหาอะไรมาแคะหรือแหย่เพราะหากไปโดยเยื่อแก้วหูฉีกขาดจะทำให้เราหูหนวกได้ เราหลังจากที่เรามีปัญหาเรื่องมีแผลในหู เราเริ่มรู้สึกว่าเราได้ยินเสียงหวีดในหูบ่อยๆ และเวลาใครคุยกับเรา เราจะไม่ค่อยได้ยิน เราจึงแจ้งให้คุณหมอทราบอีกครั้งเพราะการที่เราไม่ค่อยได้ยินเสียงมันเป็นอุปสรรค ต่อการทำงานของเราเป็นอย่างมาก

คุณหมอได้ทำการรักษาให้แต่เรามีความจำเป็นที่ต้องการหายแบบเร่งด่วน เพราะเราต้องไปทำงานตามปกติ คุณหมอจึงแนะนำให้ใช้เครื่องช่วยฟัง ซึ่งคุณหมอบอกว่าเครื่องนี้จะช่วยให้เราได้ยินเสียงชัดเจนขึ้น และหากเรารักษาอาหารหูอักเสบนี้หายแล้ว เราก็สามารถหยุดใช้เครื่องช่วยฟังได้  เราจึงเริ่มศึกษาเรื่องเครื่องช่วยฟังและเรามีหมอคอยให้คำแนะนำเกี่ยวกับเลือกซื้อเครื่องช่วยฟังเพราะว่ามันมีหลายแบบ หลายราคา เราเลือกเครื่องช่วยฟังที่สอดใส่ในหู เพราะเราไม่อยากให้ใครรู้ว่าเรากำลังมีปัญหาเกี่ยวกับการได้ยิน

ซึ่งตั้งแต่ใช้เครื่องช่วยฟังมา ยังไม่เคยมีใครรู้เลยว่าเราใส่เครื่องช่วยฟังอยู่ และการสื่อสารของเรากับหัวหน้างาน เพื่อนร่วมงาน ลูกค้าหรือแม้แต่คนในครอบครัวของเราเองก็ดีขึ้นกว่าเดิม เป็นปกติเหมือนตอนที่เรายังไม่มีปัญหาเกี่ยวกับหู ทำให้เรารู้สึกดีมากๆ ตอนนี้เราไม่ได้ใช้ เครื่องช่วยฟัง แล้ว เพราะตลอดระยะเวลาที่เราใส่เครื่องช่วยฟัง เราก็ไปหาหมอให้เขาช่วยรักษาอาการหูของเราให้ดีขึ้นด้วย หากใครยังกังวลกับการจะใช้เครื่องช่วยฟัง มั่นใจเถอะว่าใช้แล้วดีจริง