3 วิธีเตรียมตัวก่อนฉีดวัคซีนโมเดอร์นา

การป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 นอกจากการใส่หน้ากากอนามัยล้างมือบ่อยๆเว้นระยะห่างซึ่งกันและกันแล้ว  ฉีดวัคซีนโมเดอร์นา  การฉีดวัคซีนก็เป็นสิ่งที่จำเป็นและเป็นสิ่งที่สำคัญจะช่วยป้องกันการติดเชื้อลดอาการรุนแรงและลดอัตราการเสียชีวิตได้ ซึ่งในตอนนี้ประเทศไทยของเราก็เริ่มมีการฉีดวัคซีนโมเดอร์น่าซึ่งเป็นวัคซีนmRNA

หลายคนอาจจะฉีดไปแล้วและก็อาจมีอีกหลายคนที่เตรียมตัวที่จะไปฉีดวัคซีนโมเดอร์น่าดังนั้นเราจะมาแนะนำวิธีการเตรียมตัวก่อนที่จะไปฉีดวัคซีนโมเดอร์น่าจะได้ปลอดภัยแล้วก็ผลข้างเคียงน้อยที่สุด

วิธีที่หนึ่ง ตรวจเช็คประวัติวัคซีนของตนเองก่อน ใครที่กำลังจะไปฉีดวัคซีนโมเดอร์น่าให้เช็คตัวเองว่าตนเองฉีดวัคซีนอะไรไปแล้วบ้างและฉีดไปเมื่อไหร่ไม่ว่าจะเป็น ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม ไฟเซอร์ แอสตร้าเซนเนก้า ให้ดูตนเองว่าฉีดอะไรไปแล้วบางคนหนึ่งเข็มบางคนสองเข็มไปแล้ว

เพราะว่าในแต่ละคนก็จะแตกต่างกันแต่สำหรับใครที่ไม่เคยฉีดวัคซีนมาก่อนเลยแต่ได้ฉีดวัคซีนโมเดอรืน่าเป็นเข็มแรกเลยก็แนะนำว่าให้ฉีดโมเดอร์น่าสองเข็มโดยห่างกันหนึ่งเดือนก็จะได้ประสิทธิภาพมากที่สุด

วิธีที่สอง พักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ว่าจะวัคซีนไหนก่อนที่เราจะไปฉีดวัคซีนควรนอนพักผ่อนให้เพียงพอควรนอนหลับชนิดอย่างน้อย 6-8 ชั่วงโมงขึ้นไปก็จะเป็นการทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงสดชื่นเมื่อเราไปฉีดวัคซีนแล้วผลข้างเคียงก็จะน้อยที่สุด

แต่สำหรับใครที่สงสัยว่าตัวเองเข้ากะดึกบางทีอยู่เวรและไม่สามารถที่จะนอนได้เยอะขนาดนั้นก็ต้องบอกว่าสามารถฉีดได้ไม่ได้เป็นข้อห้ามว่าถ้าเรานอนน้อยห้ามฉีดเลยแต่สำหรับใครที่นอนได้ก็แนะนำว่าให้นอนให้ได้มากที่สุด

วิธีที่สาม รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในเรื่องอาหารไม่มีอาหารไหนที่ห้ามโดยชัดเจนก่อนที่จะไปฉีดวัคซีนแต่เราแนะนำว่าให้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์การที่เรารับประทานอาหารที่ไม่มีประโยชน์หรือว่ารับประทานอาหารอะไรที่ทำให้เกิดผลข้างเคียงหลังจากฉีดวัคซีนก็จะทำให้สับสนได้ว่าอาการต่างๆที่เกิดขึ้นหลังฉีดวัคซีนว่าเกิดจากอาหารที่เรารับประทานหรือว่าเกิดจากผลข้างเคียงของวัคซีนนั่นเอง

ตัวอย่างเช่นชากาแฟเครื่องดื่มเหล่านี้จะมีส่วนประกอบของคาเฟอีนเมือ่เรารับประทานเข้าไปแลวหลังฉีดวัคซีนเรามีอาการใจสั่นขึ้นมาก็จะทำให้เราเริ่มสับสนแล้วว่ามันเกิดจากการที่เราดื่มกาแฟหรือว่าเกิดจากผลข้างเคียงของวัคซีนนั่นเองดังนั้นแนะนำว่าใครที่ไม่เคยดื่มกาแฟหรือว่าชามาก่อนก็แนะนำว่าให้หลีกเลี่ยง

แต่สำหรับใครที่ติดกาแฟไม่ดื่มแล้วปวดศีรษะแล้วก็อ่อนเพลียทำงานไม่ได้ก็แนะนำว่าให้ดื่มได้ตามปกติรวมไปถึงพวกแอลกอฮอล์ด้วยหลีกเลี่ยงได้ก็จะดี

อากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อย ภูมิแพ้ หรือ หวัด กันแน่

ตอนอากาศเปลี่ยนบ่อยครั้ง บางเวลาร่างกายพวกเราบางทีอาจปรับเปลี่ยนตามไม่ทันรวมถึงภูมิต้านทานต่ำ นำมาซึ่งการทำให้ป่วยไข้หรือไม่สบาย เป็นหวัดใหญ่ได้นั่นเอง แม้กระนั้นจะมั่นใจได้เช่นไรว่าเจ็บป่วยเป็น  ภูมิแพ้ หรือ หวัด อากาศเพียงแค่นั้น

ภูมิแพ้ ไม่ได้มีสาเหตุจากการที่ร่างกายรับเชื้อไวรัส แต่ว่ามีเหตุมาจากระบบภูมิต้านทานของร่างกายของผู้เจ็บป่วยเอง โดยภูมิแพ้จะทำให้เกิดความผิดแปลกขึ้นของจมูกรวมทั้งตา แนวโน้มจะเกิดขึ้นที่จมูก และรอบ ๆ หัว ซึ่งจะแตกต่างจากหวัดที่จะส่งผลเสียต่อระบบภายในร่างกาย แล้วก็ระบบหาย

อาการของภูมิแพ้ส่วนมาก จะพบว่ามี การจาม น้ำมูกไหล คันยุบยิบ ๆ รอบ ๆ ตา กับจมูก ส่วนอาการที่แตกต่างกันระหว่างภูมิแพ้อากาศกับหวัด ได้แก่ ไม่มีไข้ ชีพจรไม่เต้นถี่ ไม่เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวตามร่างกาย แม้กระนั้นอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีอาการเหน็ดเหนื่อยได้

ภูมิแพ้ หรือ หวัด ภูมิแพ้อากาศนอกจากจะเกิดจากการที่มีอุณหภูมิรอบตัวหรือคุณภาพอากาศเปลี่ยนแปลงกะทันหันแล้ว ยังสามารถเกิดขึ้นได้จากการที่สูดดมสารที่ทำให้เกิดการกระตุ้นภูมิแพ้ ไม่ว่าจะเป็น ควันรถยนต์ ฝุ่น กลิ่นต่าง ๆ ซึ่งล้วนแล้วแต่ทำให้เป็นภูมิแพ้อากาศได้ทั้งนั้น

โดยเมื่อมีอาการภูมิแพ้กำเริบขึ้น เชื่อว่าหลาย ๆ คน ก็จะซื้อยาที่ร้านขายยามากินเอง โดยที่ไม่ได้ไปตรวจเข้ารับการรักษาปรึกษาแพทย์ ด้วยเหตุนี้อาจทำให้มีการรักษาที่ไม่ตรงประเด็น และเสี่ยงเป็นอันตรายต่อสุขภาพด้วย

ควรดูแลตนเองอย่างไรในผู้ที่เป็นภูมิแพ้ 

  • เลี่ยงการพบเจอสิ่งที่จะทำให้อาการกำเริบ ควันต่าง ๆ น้ำหอมต่าง ๆ เกสรดอกไม้ 
  • ปรับอุณหภูมิรร่างกายไม่ให้เปลี่ยนแปลงกะทันหัน เมื่อเดินผ่านอากาศร้อน ๆ ควรพักในที่ร่ม ๆ ก่อน ค่อยไปสู่ที่ ๆ เย็นหรืออุณหภูมิต่ำ ๆ
  • ทำความสะอาดบ้านบ่อย ๆ เพื่อกำจัดฝุ่นละอองในบ้าน
  • ออกกำลังกาย สร้างภูมิคุ้มกัน
  • พบแพทย์ เพื่อรับคำแนะนำ

เป็นหวัด เกิดขึ้นจากการรับเชื้อโรคเชื้อไวรัส Influenza virus พบว่าจะมีอาการปรากฎเมื่อได้รับเชื้อประมาณ 96 ชั่วโมง โดยมีลักษณะเด่น จากการที่จับไข้สูงลอย 37.8-39.0 องศาเซลเซียส ไข้สูงแบบทันทีทันควัน มีลักษณะอาการปวดศีรษะหนัก เมื่อยเนื้อเมื่อยตัวตามร่างกาย อ่อนล้าอย่างยิ่ง ทั้งอาจพบเจออาการไอที่ร้ายแรงร่วมกับลักษณะการเจ็บทรวงอกด้วย ลักษณะของหวัดจะใกล้เคียงกับอาการโรค Covid-19 แม้กระนั้นหวัดสามารถทุเลาหายได้เองหรือเริ่มดียิ่งขึ้นภายในช่วงเวลาไม่เกิน 14 วัน

 

ดังนั้น พวกเราพึงสังเกตตนเองเมื่อเริ่มรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงของตนเพื่อหาวิธีดูแลตนเองให้ห่างไกล ให้ทันก่อนที่จะมีอาการ หรือดูแลสุขภาพเบื้องต้น เพื่อที่จะทำให้ภูมิต้านทานร่างกายแข็งแรงอยู่เสมอ ไม่ป่วยง่าย อย่างการออกกำลังกาย  

 

สนับสนุนโดย.    แทงหวยใต้ดิน

น้ำมันปลาดีต่อสุขภาพในเรื่องใดบ้าง

– ต่อต้านการอักเสบ

การอักเสบ เกิดขึ้นเมื่อระบบภูมิต้านทานดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งปลอมปนที่ไปสู่ร่างกายอย่างแบคทีเรีย เชื้อไวรัส สารเคมี รวมทั้งอาการบาดเจ็บของร่างกาย ซึ่งการอักเสบเรื้อรังบางทีอาจเกี่ยวพันกับโรคหรือการเจ็บป่วยที่ร้ายแรง อย่างเช่น โรคอ้วน เบาหวาน  แล้วก็โรคหัวใจ ฯลฯ

– โรคข้อรูมาตอยด์

การกินน้ำมันปลา ร่วมกับยาที่ใช้รักษาโรคดังกล่าว สามารถช่วยทำให้อาการดีขึ้น  คนที่กินน้ำมันปลาจะมีความรู้สึกเจ็บที่เกิดขึ้นลดน้อยลง กระทั่งมีการใช้ยาลดลักษณะการบาดเจ็บลดน้อยลงด้วย ทั้งการที่แพทย์ใช้น้ำมันปลาโดยผ่านทางเส้นโลหิต ก็มีประสิทธิภาพลดบวมรวมทั้งข้อแข็งในผู้เจ็บป่วยรูมาตอยด์ได้อีกด้วย

– กระดูกพรุน

งานศึกษาเรียนรู้ของท่านหนึ่ง ได้พูดไว้ว่า การกินน้ำมันปลาเท่านั้น หรือกินร่วมกับCa รวมทั้งน้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส มีประสิทธิภาพที่ช่วยชะลอการลดลงของกระดูกรวมทั้งเพิ่มความหนาแน่นของมวลบริเวณที่ต้นขา แล้วก็สันหลังของคนแก่ที่มีอาการป่วยด้วยโรคกระดูกพรุนได้ อย่างไรก็ตามการกินน้ำมันปลาอาจไม่มีผลต่อการชะลอการสูญเสียกระดูกในคนแก่ที่เป็นโรคข้อเสื่อมที่หัวเข่า

 – โรคเส้นเลือดสมอง

การบริโภคปลาในอย่างน้อย 1-2 ครั้ง ภายใน 14 วัน จะช่วยลดการเสี่ยงต่อโรคเส้นโลหิตสมองลง 27 % แต่ว่าแม้เป็นการบริโภคในจำนวนที่สูงกว่า 46 กรัมต่อวัน จะเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อโรคนี้อย่างยิ่ง การกินปลาไม่ช่วยลดการเสี่ยงต่อโรคเส้นเลือดสมองในคนที่จำต้องใช้ยาแอสไพริน เพื่อคุ้มครองปกป้องอันตรายจากโรคนี้อยู่แล้ว

– ช่วยทำนุบำรุงสุขภาพหัวใจ

มีงานศึกษาเรียนรู้จำนวนมากที่ชี้ว่าการบริโภคน้ำมันปลาบางทีอาจช่วยลดการเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ และในบางทีอาจช่วยเพิ่มระดับ cholesterol ประเภทที่ดีภายในร่างกาย รวมทั้งยังช่วยลดระดับไตรกลีเซอไรด์แล้วก็ความดันเลือดได้อีกด้วย

– รักษาภาวการณ์หรืออาการทางจิต

ด้วยเหตุว่า น้ำมันปลา มีกรดไขมันOmega-3 ซึ่งเป็นกรดไขมันที่สำคัญต่อหลักการทำงานของสมอง ผู้คนจำนวนมากก็เลยมั่นใจว่าน้ำมันปลาบางทีอาจช่วยสำหรับในการรักษาภาวการณ์หรืออาการทางด้านจิตใจ ก็เลยมีงานศึกษาค้นคว้า เกี่ยวกับคุณภาพของน้ำมันปลาในด้านนี้อยู่บ้าง มีงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยหนึ่งชี้ว่าการบริโภคน้ำมันปลาบางทีอาจช่วยปกป้องสภาวะทางจิตบางประเภทได้ รวมทั้งยังมีงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยอีกชิ้นหนึ่งที่ชี้ว่าการบริโภคน้ำมันปลาบางทีอาจช่วยทุเลาลักษณะของโรคไบโพลาร์

คุณค่าของ น้ำมันปลา นั้นมีประโยชน์มากจริง ๆ และนอกจากที่ได้พูดถึงไปก่อนหน้านี้แล้ว มันยังมีประโยชน์ ต่อสุขภาพตา สุขภาพผิว ช่วยเรื่องการลดไขมันได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามนอกจากการเลือกทานสิ่งที่มีประโยชน์แล้ว การบริหารร่างกายควบคู่ไปด้วยก็จะยิ่งเป็นผลดีต่อสุขภาพ

 

สนับสนุนโดย.    แทงหวยหุ้น

โรคตาขี้เกียจ

             โรคตาขี้เกียจ สำหรับคนรุ่นใหม่อาจจะไม่ค่อยรู้จักกันมากนัก แต่คนที่จะรู้จักโรคนี้ได้เป็นอย่างดีก็คือ บรรดาคุณพ่อ และคุณแม่มือใหม่ ที่มักจะพบปัญหาลูกมีอาการของโรคตาขี้เกียจ ซึ่งอาการของโรคชนิดนี้ก็คือ การมีปัญหาด้านสายตา เกี่ยวกับเรื่องของการมองเห็นภาพต่างต่างอาจจะไม่ค่อยชัดเจนเท่ากับคนสายตาปกติ  สำหรับโรคชนิดนี้เรามักจะเห็นว่าจะเกิดกับเด็กที่อายุต่ำกว่า 7 ปี ซึ่งบางครั้งการเป็นโรคตาขี้เกียจนั้น อาจจะเป็นทั้งสองข้าง หรือบางครั้งอาจจะมีอาการแค่เพียงข้างเดียวเท่านั้น 

    หากมองด้วยตาเปล่าอาการของโรคตาขี้เกียจนั้นจะมีลักษณะคล้ายกับคนเป็นโรคตาเข  เพียงแค่อาการของโรคตาขี้เกียจนั้น จะไม่ได้เกิดขึ้นตลอดเวลา จะเกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้นที่ทำให้เราสามารถมองเห็นได้ บางครั้งเพียงแค่กระพริบตาอาการตาขี้เกียจก็หายไป  และสักพักก็อาจจะกลับมาเป็นใหม่ได้อีกรอบนั่นเอง อย่างไรก็ตามสำหรับโรคนี้นั้นจะเป็นช่วงที่เด็กกำลังมีพัฒนาการทั้งด้านสายตาและการมองเห็น

          สำหรับอาการของโรคนี้อย่างที่กล่าวไปตอนต้นแล้วนั่นเก็คือ การที่เด็กจะมีการมองเห็นของลุกตาในลักษณะที่ลูกตาอาจจะมีการเบนเข้าหากัน หรือบางคนอาจจะเบนออกห่างกันก็ได้  การมองเห็นอาจจะมองเห็นไม่ค่อยชัดเจนมากนัก หรือบางคนหากมีอาการมากอาจจะมีอาการปวดหัวร่วมด้วย แต่อย่างไรก็ตามอาการนี้เรามักจะเห็นว่าเกิดกับเด็กแรกเกิดนั้นน้อยมาก ส่วนใหญ่แล้วจะพบกับเด็กที่มีอายุประมาณ 3-5 ปี

         ถ้าหากผู้ปกครองพบว่าลูกของคุณอาจจะมีอาการคล้ายกับการเป็นโรคตาขี้เกียจแล้วล่ะก็ ควรจะรีบพาไปพบแพทย์ทางด้านสายตาให้ช่วยตรวจสอบและรักษา เพราะอาการนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้ ยิ่งรักษาก่อนอายุ 7 ปีจะยิ่งได้ผลเร็วมากที่สุด แต่หากปล่อยเอาไว้ไปรักษาช่วงอายุ 7-9 ปี ความยากในการรักษาให้หายขาดนั้นจะยากยิ่งขึ้นและอาจจะต้องใช้ระยะเวลาในการรักษานานมากขึ้น แต่ก็ยังคงสามารถรักษาอาการให้หายได้เช่นเดียวกัน 

        สำหรับเด็กที่ป่วยเป็นโรคตาขี้เกียจนี้ สามารถรักษาอย่างต่อเนื่องไปจนถึงอายุ 17 ปี แต่ถ้าหากเกิดกว่า 17 ปีไปแล้ว จะไม่สามารถรักษาเบื้องต้นได้แล้ว ต้องเข้ารับการผ่าตัดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น  อย่างไรก็ตามสำหรับการรักษาโรคตาขี้เกียจนี้ทำได้หลายอย่างแต่การรักษาที่ไม่ต้องเสียเงินเลยก็คือ ให้ทำการปิดตาข้างใดข้างหนึ่งเป็นระยะเวลาประมาณ 1-2 ชั่วโมงต่อวัน และทำทุกวัน โดยมีการปิดตาสลับข้างกันทุกวัน  ต่อเนื่อง 6  เดือนขึ้นไปจึงจะเห็นผล และช่วงที่ปิดตานั้นต้องให้ตาอีกข้างใช้สายตาให้มากที่สุด ดังนั้นตอนปิดตาควรให้เด็กดูทีวีจะดีที่สุด

 

สนับสนุนโดย    สมัครเว็บหวยฮานอย

โรคร้ายที่มาพร้อมควันบุหรี่

เคยสงสัยกันไหมว่าทำไม วัยรุ่นส่วนใหญ่จึงชอบดูดบุหรี่กัน ก็เพราะการดูดบุหรี่นั้นสายทำให้เราบรรเทาความเครียดที่เกิดขึ้นในแต่ละวันได้ อีกทั้งยังทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย เพราะในบุหรี่นั้นจะมีสารตัวหนึ่งที่เรียกว่า นิโคติน ซึ่งสารตัวนี้หากร่างกายของเราได้รับเขาไปแล้วจะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย โดยข้อดีของการดูดบุหรี่นั้นก็มีมากมายไม่แพ้ข้อเสียเลยก็ว่าได้

แต่สมัยนี้เชื่อว่าหลายคนคงมองข้ามภัยอันตรายที่อาจมาพร้อมควันบุหรี่ ซึ่งคนที่ได้รับผลกระทบนั้นไม่เพียงแต่เป็นตัวเราเองเท่านั้น ยังมีควรอบข้างอีกมากมายที่อาจได้รับผลกระทบจากการควันบุหรี่ที่เราดูดกันอยู่บ่อยๆ ผู้ที่ดูดบุหรี่เป็นประจำส่วนใหญ่แล้วมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้ง่าย เผลอๆอาจทำให้เสียชีวิตจากการดูดบุหรี่เลยก็ได้

ดังนั้นแล้ว ถึงแม้ว่าการดูดบุหรี่จะมีข้อดีอยู่บ้าง แต่ก็ต้องยอมรับผลเสียที่อาจตามมาทีหลังด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม วันนี้เราจะมายกตัวอย่างความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการดูดบุหรี่ จะมีโรคอะไรบ้าง จะร้ายแรงมาแค่ไหน วันนี้เรามีคำตอบ

โรคหัวใจ ส่วนใหญ่จะพบว่าคนที่สูบบุหรี่ และได้รับควันบุหรี่เป็นประจำ มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจได้มากกว่าคนที่ไม่สูบบุหรี่ ซึ่งปกติแล้วคนที่สูบบุหรี่เป็นประจำจะรู้สึกแน่นตรงหน้าอก และรู้สึกอึดอัดได้ง่าย ดังนั้น ภัยอันตรายที่มาพร้อมกับควันบุหรี่ ถือว่าร้ายแรงเป็นอย่างมาก หากใครที่ไม่อยากเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้าย ควรที่จะหลีกเลี่ยงการดูดบุหรี่ หรือหากใครที่ขาดไม่ได้ หรือมีความจำเป็น ก็ควรสูบในปริมาณที่พอเหมาะ 

โรคหลอดเลือดตีบ พบว่าคนที่ได้รับควันบุหรี่ หรือสูดควันบุหรี่เข้าไปในร่างกายเป็นจำนวนมาก จะช่วยเข้าไปเพิ่มการเกิดโรคหลอดเลือดตีบได้เร็วขึ้น และอาจมีอาการข้างเคียงคือ การเป็นอัมพาต บางรายอาจมีอาการร้ายแรงจนถึงขั้นทำให้เสียชีวิตลงได้ ดังนั้น ทางที่ดีที่สุด หากเห็นใครที่กำลังดูดบุหรี่อยู่ ก็ควรที่จะอยู่ห่างเพื่อป้องกันตนเองไม่ให้สูดดมควันบุหรี่เยอะเกินไปจนเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายขึ้น

โรคถุงลมปอดโป่งพอง รู้หรือไม่ว่า ควันบุหรี่อันตรายมากแค่ไหน ควันบุหรี่สามารถเข้าไปทำลายเยื่อบุภายในหลอดลม ที่มีหน้าที่ในการฟอกเลือดในปอด และเมื่อไหร่ที่ร่างกายของเรามีเยื่อบุหลอดลมที่หนาขึ้น หลอดลมก็จะตีบลงและทำให้การหายใจนั้นลำบากมากกว่าเดิม จึงส่งผลให้เกิดเป็นโรคถุงหลอดลมโป่งพองขึ้นนั่งเอง ดังนั้นแล้ว หากไม่อยากป่วยเป็นโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจ ควรหลีกเลี่ยงการดูดบุหรี่ หรือถ้าเลิกได้ก็ควรเลิก เพื่อสุขภาพร่างกายที่ของตัวคุณเอง

 

สนับสนุนโดย    หวยลาวจ่ายบาทละเท่าไร

อาการมะเร็งปอด

มะเร็งปอด คือ การเปลี่ยนแปลงของเซลล์ที่ผิดปกติ ซึ่งมันมีการเจริญเติบโตขึ้นมาที่มีทั้งเนื้อดี เนื้อร้าย เนื้อดีก็ต้องได้รับการผ่าตัดก็ได้ ไม่ผ่าออกก็ได้ แต่เนื้อร้ายที่จะเรียกกันว่ามะเร็ง เมื่อเป็นแล้วเราจะต้องเข้ารับการรักษาทันที 

สาเหตุของมะเร็งปอด

สาเหตุสำคัญ ของการเป็นมะเร็งปอดเลยคือการสูบบุหรี่ เพราะในบุหรี่มีสารกอให้เกิดมะเร็งมากมาย และยังสามารถทำให้เกิดเป็นมะเร็งอย่างอื่นได้อีกไม่ว่ามะเร็งในหลอดอาหาร มะเร็งในช่องปาก นอกจากบุหรี่ยังมีพวกซิการ์ ยาเส้นหรือกัญชาผสมบุหรี่ก็ยังมีสารการก่อให้เป็นมะเร็งปอดได้ง่ายอีกด้วย และเมื่อเราได้สูบดมเข้าไปในร่างกายในปริมาณที่มากร่างกายก็จะซ่อมแซมไม่ทัน สารเหล่านี้ก็ไปสะสมจนกลายเป็นก้อนเนื้อในบริเวณปอดได้ แม้แต่ผู้ที่ไม่ได้สูบบุหรี่ด้วยตัวเอง แค่รับควันจากคนรอบข้างก็มีสิทธิที่จะเป็นไปด้วย

การป้องกัน

การป้องกันคือเราควรหลีกเลี่ยงออกจากควันของผู้ที่สูบบุหรี่ และผู้ที่สูบบุหรี่ก็ควรมีความเกรงใจแก่คนรอบข้างด้วย การอยู่ในที่สาธารณะจึงไม่ควรที่จะสูบบุหรี่ และเราควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และควรออกกำลังกายอย่างส่ำเสมอป้องกันตัวเองจากสารก่อมะเร็ง นอกจากบุหรี่แล้วมลภาวะ ก็มีส่วนด้วยอีกเช่นกัน ก่อนออกจากบ้านก็ควรสวมหน้ากากอนามัยด้วย

โรคแทรกซ้อนของผู้ป่วยมะเร็ง

ผู้ป่วยมะเร็งควรระวังการเกิดโรคแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้นด้วย อย่างการหายใจสั้นเนื่องจากก้อนเนื้อของมะเร็งได้ขยายตัวใหญ่ขึ้น จึงทำให้มีภาวะน้ำท่วมเยื่อหุ้มปอดจึงเกิดการหายใจไม่สะดวก และเมื่อผู้ป่วยมะเร็งอยู่ในระยะลุกลาม มะเร็งก็จะทำการแพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปในอวัยวะอื่นของร่างกาย

อาการมะเร็งปอด

เราสามารถสังเกตอาการผิดปกติที่เกิดในร่างกายเราได้ เพราะการเป็นมะเร็งปอดไม่สามารถบอกอาการได้ทันที แต่จะมีการบอกอาการเมื่อก้อนเนื้อของมะเร็งปอดเริ่มใหญ่ขึ้นเริ่มสังเกตว่ามีอาการเหล่านี้หรือเปล่า มีอาการเจ็บหน้า ไอออกมาเป็นเลือด หรือมีอาการไอเป็นเวลานานหรือไอเรื้อรัง เวลาหายใจมีอาการเหนื่อยหอบ หายใจลำบาก ปวดหรือเจ็บเวลาที่หายใจหรือเมื่อไอออกมา และมีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลดไม่มีสาเหตุ ถ้ามีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์ทันที

การสูบบุหรี่เป็นภัยกับชีวิต เป็นพิษต่อสังคมจริงๆ ผู้ที่สูบบุหรี่ก็ควรจะรักชีวิตของตัวเอง และหันมาสนใจคนรอบข้างบางว่าจะได้รับผลกระทบกับการกระทำของตนเองหรือเปล่า การสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ มันจะทำให้คนรอบข้างเกิดอันตรายไปด้วย อยากให้กฎหมายไทยปรับหรือจับคนที่สูบบุหรี่ในที่สาธารณะอย่างจริงจังเสียที

 

 

สนับสนุนโดย  แทงหวย

วิธีการเลือกกินอาหารควรกินอย่างไรดี

การที่เราได้มีการออกกำลังกายเราก็จะต้องมีการกินอาหารให้เพียงพอต่อการที่เราจะทำการออกกำลังกายด้วย เพราะไม่งันจะทำให้เราเกิดการหมดแรงระหว่างการที่เราได้มีการออกกำลังกาย นอกจากนี้ยังทำให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้นได้อีกด้วย ซึ่งในการที่เราจะทำการกินอาหารควรที่จะมีการกินอาหารที่ทำให้เรามีพลังงานมากพอต่อการที่เราจะทำการออกกำลังกาย

และยังจะสามารถทำให้เรามีร่างกายที่ฟื้นตัวเร็ว ออกกำลังกายได้นานมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งในผู้ที่ได้ทำการออกกำลังกายใหม่ๆ ก็ยังไม่รู้ว่าเราจะทำการกินอาหารก่อนทำการออกกำลังกาย หรือมีการกินหลังจากการออกกำลังกายของเราดี โดยที่จะมีสิ่งที่ทำให้การกินได้อย่างเหมาะสมจะมีเวลาในการกินอาหารที่เหมาะสมกับเราดังนี้

  1. การที่เราได้มีการกินก่อนที่จะทำการออกกำลังกาย

การที่เราจะทำการกินก่อนการที่ทำการออกกำลังกายจะทำให้เราสามารถที่จะ ออกกำลังกายได้นานกว่า1ชั่วโมง หรือจะทำให้เราได้มีแรงในการออกกำลังกายได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังทำให้เราการออกกำลังกายของเราสามารถที่จะทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย และในการที่เราจะทำการกินอาหารก่อนที่เราจะทำการออกกำลังกายเราก็ควรที่จะมีการกินก่อนการทำการออกกำลังกาย3-4 ชั่วโมงเราจะได้รับประโยชน์มากที่สุดอีกด้วย

  1. การที่เราจะทำการกินในระหว่างการทำการออกกำลังกาย

จะเป็นวิธีกินสำหรับผู้ที่ได้มีการออกกำลังกายนานๆ ไม่ว่าจะเป็นการที่เราจะทำการออกกำลังกายโดยการวิ่งหรือปั่นจักรยาน เป็นเวลานานมากกว่า1ชั่วโมง วิธีนี้จะเป็นวิธีที่ทำให้เรามีแรงในการออกกำลังกายได้ ซึ่งในการกินเราก็ควรที่จะทำการกินอาหารที่เป็น คาร์โบไฮเดรต โซเดียม และน้ำเกลือแร่ จะเป็นสิ่งที่ทำให้ร่างกายของมีแรงในการออกกำลังกายได้มากขึ้น

  1. การที่เราทำการกินอาหารหลังจากการออกกำลังกาย

จะเป็นการกินเพื่อที่จะทำให้ร่างกายของเรามีการซ่อมแซมร่างกายที่เสียของเราได้เป็นอย่างดี และยังจะทำให้ร่างกายของเราสามารถที่จะทำการฟื้นตัวได้ง่าย แต่เราก็ควรที่จะมีการกินอาหารที่เหมาะสมกับเรา และเราควรที่จะทำการกินอาหารหลังจากการออกกำลังกายใน30-120นาทีหลังจากการที่เราได้มีการออกกำลังกายเสร็จ นอกจากนี้เราไม่ควรที่จะมีการกินอาหารที่มากเกินไปอีกด้วย

 

สนับสนุนโดย.    แทงหวย

ภาวะตาขี้เกียจคืออะไร ?

           คุณเคยรู้จักสภาวะของ ตาขี้เกียจหรือไม่  สำหรับพ่อแม่ในยุคปัจจุบันนี้อาจจะไม่ค่อยเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของภาวะตาขี้เกียจมากนักแต่อาจจะเคยเห็นสภาวะมีอาการผิดปกติจากการมองเห็นของดวงตาของลูกของตนเองซึ่งอาการตาขี้เกียจนี้มักจะเกิดกับเด็กในปัจจุบันเป็นส่วนมากและเด็กที่เป็นโรคตาขี้เกียจนี้มักจะมีตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 7 ขวบเลยทีเดียว

          สำหรับอาการตาขี้เกียจนั้นคืออาการความผิดปกติเกี่ยวกับเรื่องของการมองเห็นของดวงตาของคนคนนั้นซึ่งโดยปกติแล้วการที่เป็นโรคตาขี้เกียจนั้นไม่ได้มีอาการร้ายแรงมากนักเพราะเด็กที่เป็นโรคนี้ยังคงสามารถมองเห็นได้ตามปกติเนื่องจากว่าเด็กแรกเกิดจนถึงอายุ 7 ขวบนั้นยังอยู่ในช่วงของการพัฒนาสมองและร่างกายและส่วนต่างๆของร่างกายซึ่งยังเจริญเติบโตยังไม่เต็มที่ดังนั้นประสาทสายตาก็ยังอยู่ระหว่างการเจริญเติบโตเช่นเดียวกันจึงส่งผลทำให้เกิดภาวะความผิดปกติเกี่ยวกับเรื่องของการมองเห็นหรือเกิดภาวะตาขี้เกียจได้นั่นเอง

          สำหรับภาวะตาขี้เกียจนั้นมีสาเหตุได้หลายช่องทางด้วยกันซึ่งการที่เกิดมาแล้วมีสภาวะการมองเห็นของตาทั้งสองข้างไม่เท่ากันหรือที่เรารู้จักกันดีในนามของภาวะเขตนั้นก็ส่งผลทำให้เกิดภาวะตาขี้เกียจได้เหมือนกันซึ่งสภาวะตาเขนั่นก็คือการที่เรามองเห็นภาพนั้น ซ้อนกัน เพราะอย่างที่บอกว่าเด็กแรกเกิดจนถึง 7 ขวบนั้นระบบประสาทตายังไม่สมบูรณ์ดังนั้นการมองเห็นของตาทั้งสองข้างอาจจะไม่เท่าเทียมกันและถ้าหากเด็กคนไหนเพ่งสายตาใช้เฉพาะสายตาข้างใดข้างหนึ่งที่ทำให้ตนเองมองเห็นชัดมากเท่านั้นก็อาจจะทำให้ตาอีกข้างนั้นเกิดภาวะอาการตาขี้เกียจและทำให้เกิดปัญหาตาเขตามมาภายหลังได้นั่นเอง

       นอกจากนี้การที่พบว่าสายตาผิดปกติไม่ว่าจะเป็นสายตาสั้นหรือแม้แต่สายตายาวรวมถึงบางคนนั้นมีภาวะสายตาเอียงก็จะทำให้คนที่เป็นอาการเหล่านี้นั้นพยายามที่จะใช้เพียงข้างเดียวเท่านั้นทำให้สายตาอีกข้างนั้นเกิดภาวะตาขี้เกียจได้นั่นเองแน่นอนว่าทหารไทยมีอาการเกี่ยวกับโรคภาวะตาขี้เกียจแล้วเราก็วิธีการแก้ไขสำหรับเด็กงั้นไม่จำเป็นที่จะต้องผ่าตัดตา

          เบื้องต้นคุณหมอจะให้เด็กนั้นทำการปิดตาข้างใดข้างหนึ่งแล้วพยายามใช้งานอีกข้างหนึ่ง  เช่นถ้าเกิดภาวะตาสองข้างนั้นสั้นยาวไม่เท่ากันมีการปิดตาสลับวันเพื่อให้ตานั้นมีการใช้งานและการทำการปิดตาปรับข้างนั้นก็จะทำประมาณวันละ 1 ชั่วโมงทุกๆวันเป็นระยะเวลาประมาณ 6 เดือนหลังจากนั้นก็จะมาติดตามอาการคนอีกครั้งหนึ่งซึ่งโดยปกติแล้วถ้าหากทำเป็นทุกวันเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอภาวะอาการตาขี้เกียจก็จะหายไปเองนั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย.    แทงหวย

เกล็ดความรู้อาหารคนเป็นโรคความดันห้ามทาน

อาหารกลุ่มแรกที่คนเป็นความดันโลหิตสูงห้ามทานก็คือ อาหารแปรรูป ก็เช่นพวกไส้กรอก กุนเชียงหมูยอ อะไรต่างๆเหล่านี้อาหารแปรรูปรวมไปถึงอาหารสำเร็จรูปพวกข้าวกกล่องเซเว่นปลากระป๋องเช่นเหล่านี้ไม่แนะนำให้รับประทานเลยเพราะอะไร

เพราะว่าในสิ่งเหล่านี้มีเกลือมีผงชูรสเยอะมากพอเวลาเกลือเหล่านี้มันเยอะมันก็จะทำให้ความดันสูงเช่นกัน ถ้าเกิดเราทานอาหารข้างนอกหรือว่าอาหารสำเร็จรูปหรือว่าอาหารแปรรูปเป็นหลักเราจะกินได้น้อยมากเลยคือเราเองจะพยายามไปดูไส้กรอกให้ว่าไส้กรอกแฮมอะไรต่างๆมันมีโซดียมเท่าไหร่แต่ว่ามันไม่ค่อยบอกไปดูไปเจอหมูยอ

ซึ่งในหมูยอ100กรัมที่เป็นแท่งสั้นๆจะมีเกลือโซเดียมประมาณ820ทานได้ประมาณ2แท่งและทานอย่างอื่นไม่ได้แล้วเดี๋ยวโซเดียมจะแนะนำให้ว่าถ้าคนที่เป็นความดันถ้าทำอาหารทานเองได้จะยิ่งดีเพราะว่าเราจะรู้ว่าเราใส่อะไรลงไปเท่าไหร่

นอกจากนี้มีอย่างนึงที่ไม่อยากให้ทานเลยก็คือ บะหมี่สำเร็จรูป เพราะว่าเราคิดว่าเกลือโซเดียมมันเยอะอันนี้เราพูดถึงเกลืออย่างเดียวเราไม่ได้พูดถึงผงชูรสไม่ได้พูดถึงสารกันบูดเอาแค่เกลือโซเดียมอย่างเดียวเลย

ข้อที่สองก็คือให้เลียง น้ำซุปน้ำแกง แกงจืดหรืออะไรอย่างนี้ เพราะว่าบางทีเราทำต้มจืดมันใช้เกลือใช้ซีอิ๊วน้ำปลาใช้น้ำตาลอะไรต่างๆเยอะมากเลยถามว่าเวลาจะกินเรากินได้ไหมทานได้แต่ว่าให้กินแต่เนื้ออย่ากินน้ำหลายคนชอบกินน้ำซุปน้ำแกงเวลาที่กินซุปน้ำแกงเข้าไปเยอะๆเราก็จะได้เกลือเข้าไปเยอะด้วยได้ผงชูรสเยอะด้วยได้น้ำตาลเยอะด้วยแล้วก็ยังได้ยูริกเยอะด้วย

ซึ่งหลายคนที่ยูริกสูงพยายามอย่าไปกินน้ำซุปน้ำแกงเยอะทีนี้เราไปดูตัวซุปไก่ก้อนบางคนเวลาที่ทำแกงจืดจะใส่ซุปไก่ก้อนลงไปรู้หรือไม่ว่าในซุปไก่ก้อน1ก้อนเราคำนวณมาให้มีเกลือโซเดียมประมาณเกินกว่า3,000มิลลิกรัมแน่นอนเขาบอกว่าใหใส่2ก้อนก็เท่ากับ6,000มิลลิกรัมเลยนะ

นอกจากนี้ใน6,000มิลลิกรัมหมายความว่าต้มจืดชามนั้นคนที่เป็นความดันโลหิตสูงจะต้องกินอย่างนี้4วัน ความดันโลหิตสูงทานแอลอาจีนีนได้ไหมทานได้ แอลอาจีนีนเป็นตัวที่ช่วยลดความดันโลหิตได้เวลาที่เราออกกำลังกายร่างกายเราจะสร้างไนตริกออกไซด์

เนื่องจากนี้ไนตริกออกไซด์ทำให้หลอดเลือดขยายตัวแอลอาจีนีนเป็นสารตั้งต้นที่ทำให้เกิดไนตริกออกไซด์แอลอาจีนีนตามหลักแล้วเวลากินจะต้องกินตอนท้องว่างถึงจะมีประโยชน์

 

สนับสนุนโดย.   แทงหวย

ผู้ป่วยไตต้องคุมเกลือแร่มีอะไรบ้าง

ตัวที่หนึ่ง เรียกว่าโซเดียม โซเดียมก็คืออยู่ในรูปแบบเครื่องปรุง ซอส ซีอิ้ว น้ำปลา เกลือ ที่มีรสเค็มทุกชนิดเลยก็ต้องควบคุมปริมาณโซเดียมต่อการรับประทานด้วย

ตัวที่สองเรียกว่า โพแทสเซียม โพแทสเซียมก็จะอยู่ในรูปแบบผักกับผลไม้ที่มีสีจัดๆสีเข้มๆมากๆตัวนี้จะมีตัวนี้จะมีปริมาณโฑแทสเซียมสูงผู้ป่วยไตเสื่อมหรือไตวายเรื้อรังควรจะต้องควบคุมผักกและผลไม้หรือเลือกชนิดในการรับประทานเพื่อไม่ให้ค่าเพื่อไม่ให้ค่าโพแทสเซียมเกิน

ตัวที่สามเป็นตัวสำคัญชื่อว่า ฟอสฟอรัส หลายคนคิดว่า ฟอสฟอรัสมันคืออะไรแล้วมีอยู่ในอาหารอะไรบ้างและวันนี้เราจะมาพูดถึงอาหารที่มีปริมาณฟอสฟอรัสสูงๆที่ผู้ป่วยไตเสื่อมหรือไตวานเรื้อรังควรหลีกเลี่ยงหรือควรรับประทานและเราก็จะมาพูดถึงเสียว่า

ถ้าเราไม่ควบคุมแล้วปริมาณฟอสฟอรัสในเลือดเกินมากๆจะมีผผลเสียต่อร่างกสยมีอะไรบ้าง โดยปกติผู้ป่วยไตเสื่อมหรือไตวายเรื้อรังเวลาไปตรวจค่าไตในรอบประจำเดือนก็คือควรจะต้องขอดูค่าฟอสฟอรัสด้วย เพราะว่าค่าฟอสฟอรัสเกินเราก็จะได้รู้ว่าเราจะได้ควบคุมเรื่องปริมาณรอาหารที่เรารับประทานเข้าไปค่าฟอสฟอรัสปกติในเลือด

ซึ่งปกติห้ามเกิน5.5มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ถ้าเกิดว่ามีค่าเกินมากกว่านี้จะมีผลเสียอะไรบ้างก็คือ อันดับหนึ่ง ถ้าค่าฟอสฟอรัสในเลือดเกินสูงเกินมากๆก็จะมีผลทำให้เกิดอาการผิวเราตามผิวตามแขนเราจะมีอาการคันคันตามตัวหรือบางคนก็อาจจะมีผิวเหมือนผิวมันไหม้คล้ำอะไรอย่างนี้จะทำให้มีภาวะออกมาทางผิวคันแล้วก็ผิวไหม้ได้

อันดับที่สอง ถ้ามีปริมาณฟอสฟอรัสในร่างกายเกินมากๆก็จะส่งผลต่อฮอร์โมนตัวนึง ชื่อว่า ฮอร์โมนพาราไทรอยด์จะอยู่ตรงแถวๆต่อมตรงคอหรือจะมีอยู่ทั้งหมดสามต่อมด้วยกัน ฮอร์โมนตัวนี้ถ้าเกิดว่ามีปริมาณฟอสฟอรัสเกินมากๆจะส่งผลให้ฮอร์โมนตัวนี้กระตุ้นเอา

ปริมาณแคลเซียมในร่างกายเราออกมาเป็นปริมาณมากๆจะส่งผลทำให้เรามีภาวะกระดูบางภาวะกระดูกพรุนได้หรือพอมันมีภาวะกระดูกบางกระดูดพรุนมากๆเวลาเราหกล้มเรากระแทกอะไรแรงๆหน่อยทำให้กระดูกเปาะแตกหักได้ง่าย สามถ้าเกิดปริมาณฟอสฟอรัสในเลือดเราสูงมากๆก็จะส่งผลต่อเขาเรียกว่าเซลล์ผนังหลอดเลือดในร่างกายเรา

สมมุติว่าในเส้นเลือดของเราในร่างกายเราจะมีเส้นเลือดวิ่งทั่วเลยเราจะเปรียบเส้นเลือดเหมือนท่อน้ำล่ะกัน โดยปกติเวลาเราร่างกายเราปกติในเส้นเลือดเราก็คือท่อน้ำมันจะมีการยืดหยุ่นได้ต่อให้น้ำมันวิ่งมาแรงขนาดไหนมัมนก็จะยืดหยุ่นได้ถ้าน้ำวิ่งมากแรงท่อมันก็จะยืดได้มันก็จะไม่เปาะแตกถ้าคนที่มีภาวะฟอสฟอรัสเกินมากจะทำให้หลอดเลือดหรือท่อน้ำตรงนี้มันเกิดการแข็งตัว

 

สนับสนุนโดย.  แทงหวย